บทสรุปของโพสต์โดย durumis AI
- โรคเกาต์เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริคในข้อต่อ ทำให้เกิดอาการอักเสบ โดยเฉพาะที่ข้อเท้า ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
- สาเหตุของโรคเกาต์ที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยหนุ่ม คือ การบริโภคอาหารโปรตีนสูง ทำให้ระดับกรดยูริคเพิ่มขึ้น และการทำงานของไตเสื่อมลง ส่งผลให้ขับกรดยูริคออกได้น้อยลง
- การบริโภคมะนาวช่วยควบคุมระดับกรดยูริคในเลือด กระตุ้นการหลั่งแคลเซียม ช่วยละลายกรดยูริค และช่วยให้ตับทำงานในการล้างสารพิษ จึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันและดูแลโรคเกาต์
ฉันจะมาอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อโรคเกาต์นะคะ ปัจจุบันพบว่าผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ถึง 30 ปี หรือวัยรุ่นเริ่มมีการวินิจฉัยโรคเกาต์เพิ่มมากขึ้น การเป็นโรคเกาต์ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก แล้วเราจะทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นโรคเกาต์ล่ะ? ฉันจะมาอธิบายให้ฟังทันทีค่ะ
โรคเกาต์
โรคเกาต์พบได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เกิดจากการสะสมของสารที่เรียกว่า ยูริค แอซิด (uric acid) ในข้อต่อ ทำให้เกิดการอักเสบ ยูริค แอซิด มีลักษณะเป็นผลึกแหลมคม จึงทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง โดยส่วนใหญ่จะเกิดที่ข้อเท้าและนิ้วเท้า
ผู้ที่เคยเป็นโรคนี้จะทราบดีว่า เท้าบวมและเจ็บปวดมากจนเดินแทบไม่ได้ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกาย ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมที่ชอบได้
ยูริค แอซิด
ยูริค แอซิด สาเหตุของโรคเกาต์ เกิดจากการสลายตัวของสารพิวรีน (purine) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของกรดนิวคลีอิก (nucleic acid) ที่อยู่ในเซลล์ที่ตายแล้ว โดยตับจะเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่สลายสารพิวรีนนี้ และสร้างยูริค แอซิด ขึ้นมา ดังนั้นแม้แต่คนปกติก็มีการสร้างยูริค แอซิด ขึ้นเช่นกัน แต่โดยทั่วไปร่างกายจะขับออกทางไต จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหา
แต่ถ้าร่างกายขับออกช้าหรือสร้างขึ้นมาเยอะเกินไป ระดับยูริค แอซิด ในเลือดก็จะสูงกว่าปกติ ซึ่งเรียกว่าภาวะไฮเปอร์ยูริเซเมีย (hyperuricemia) และเมื่อภาวะนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะเกิดการอักเสบของข้ออย่างเฉียบพลัน ซึ่งก็คือ โรคเกาต์นั่นเอง
สาเหตุของโรคเกาต์
หากคุณเคยเป็นโรคเกาต์มาก่อน หรือกำลังเป็นอยู่ ควรระมัดระวังอาหารที่มีพิวรีนสูง ซึ่งโดยทั่วไปมี 2 ประเภท คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเนื้อสัตว์ ดังนั้นโรคเกาต์จึงถูกเรียกว่าเป็นโรคของคนร่ำรวยหรือชนชั้นสูง
สาเหตุที่พบว่าผู้ชายวัยรุ่นเป็นโรคเกาต์มากขึ้นนั้น อาจเป็นเพราะการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยการกินอกไก่บดเป็นกิโลกรัม ซึ่งเป็นอาหารเสริมโปรตีนที่นิยมกันมาก การกินโปรตีนมากเกินไปนั้นช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้จริง แต่ร่างกายอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกำจัดของเสีย เช่น ยูริค แอซิด ที่เกิดจากการเผาผลาญโปรตีน
ในผู้สูงอายุที่เป็นโรคเกาต์นั้น ส่วนใหญ่จะไม่ใช่เพราะกินอาหารที่มีพิวรีนสูงมากเกินไป แต่เกิดจากการที่ไตเสื่อมหรือทำงานไม่ดี ทำให้ร่างกายขับยูริค แอซิด ออกได้ช้าลง หรืออาจเกิดจากปัญหาการเผาผลาญอาหาร ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไรก็ตาม เมื่อเป็นโรคเกาต์แล้ว ก็ต้องงดอาหารหลายอย่าง เช่น แอลกอฮอล์ เนื้อสัตว์ น้ำซุปเนื้อปลาซาร์ดีน ปลาทู ปลาหมึก ฯลฯ
อาหารที่ควรกิน
แต่ก็มีอาหารบางอย่างที่กินแล้วดีต่อสุขภาพแน่นอน และถ้าจะเลือกสักอย่างหนึ่ง ฉันขอแนะนำ เลมอนค่ะ ในประเทศไทยเรามักจะเห็นเลมอนอยู่ในโต๊ะอาหารตอนทานปลาดิบ แต่ในต่างประเทศที่นิยมทานเนื้อสัตว์เป็นหลัก มักจะนำเลมอนมาใช้ปรุงอาหารในหลายๆ รูปแบบ
มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า เลมอนมีผลต่อการควบคุมระดับยูริค แอซิด ในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ
กลไกหลักที่ทำให้เลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ การกระตุ้นการหลั่งแคลเซียมคาร์บอเนต (calcium carbonate) ในร่างกาย แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สามารถจับกับยูริค แอซิด ในกระแสเลือด ช่วยละลายยูริค แอซิด ทำให้ระดับยูริค แอซิด ในเลือดลดลง และช่วยเปลี่ยนสภาพเลือดจากสภาวะเป็นกรดไปสู่สภาวะเป็นด่าง
สารประกอบหลายชนิดในเลมอนทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดังกล่าว โดยสารสำคัญ 2 ชนิด ได้แก่ วิตามินซี (Vitamin C) และกรดซิตริก (Citric acid)
นอกจากนี้ เลมอนยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากช่วยยับยั้งการตกผลึกของแคลเซียม จึงมีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคเกาต์และผู้ที่เป็นนิ่ว วิตามินซีในเลมอนยังช่วยกระตุ้นการสร้างกลูตาไทโอน (glutathione) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยตับในการกำจัดสารพิษ
ดังนั้น การกินเลมอนจึงไม่เพียงแต่ช่วยลดระดับยูริค แอซิด เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่ว และช่วยให้ตับกำจัดสารพิษในร่างกายได้ดีขึ้น
สรุป
เลมอนมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ จึงน่าจะช่วยป้องกันและรักษาโรคเกาต์ได้ ดังนั้นผู้ที่กังวลเรื่องโรคเกาต์ ควรทานเลมอนเป็นประจำนะคะ