นี่คือโพสต์ที่แปลด้วย AI
เลือกภาษา
สรุปโดย AI ของ durumis
- บทความนี้เสนอวิธีการบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่ผู้หญิงประสบ เช่น การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การออกกำลังกาย การจัดการอาหาร และการรักษาด้วยยา
- บทความนี้แนะนำท่าโยคะบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่หลากหลาย (เช่น ท่านกย่อง ท่านางฟ้า ท่าโคบรา เป็นต้น)
- ท่าโยคะบรรเทาอาการปวดประจำเดือนช่วยลดกิจกรรมของระบบประสาท ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและลดความเครียด
วิธีลดอาการปวดประจำเดือน: ท่าโยคะบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
วิธีลดอาการปวดประจำเดือน เรากำลังจะมาบอกวิธีลดอาการปวดประจำเดือน โรงพยาบาลที่รักษาอาการปวดประจำเดือน และท่าทางที่ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน อาการปวดประจำเดือนเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วมันเป็นอาการที่รบกวนและน่ารำคาญมาก
อาการปวดประจำเดือนเกิดขึ้นเมื่อสารที่เรียกว่า 'โปรสตาแกลนดิน' ถูกสร้างขึ้นมากเกินไปในเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มดลูกหดตัวและเยื่อบุหลุดออก และอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้หลากหลาย ตั้งแต่รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยไปจนถึงอาการเกร็งรุนแรงที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
แม้ว่าจะสามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ด้วยยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาหรือการควบคุมฮอร์โมน แต่ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีการ ที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการโรงพยาบาล และท่าทางที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
วิธีลดอาการปวดประจำเดือน
อาการปวดประจำเดือนเป็นอาการที่ผู้หญิงมักจะพบเจอในช่วงเวลาของรอบเดือน อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง อาการปวด บวม หรือการมีประจำเดือนที่ไม่สบายใจ และบางครั้งอาจมีความรุนแรงมาก แต่ก็มีวิธีลดอาการปวดประจำเดือนได้
ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย- ในช่วงมีประจำเดือน อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้ปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้น ดังนั้น ในช่วงมีประจำเดือน คุณควรพักผ่อนในที่เย็นและแห้ง
และพยายามควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การดื่มน้ำอุ่นหรืออาบน้ำอุ่นก็ช่วยได้เช่นกัน
ออกกำลังกาย- การออกกำลังกายช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้อย่างมาก คุณควรเลือกออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น การออกกำลังกายแบบแอโรบิก การยืดเหยียด โยคะ แต่การออกกำลังกายมากเกินไปอาจทำให้ปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้น ดังนั้นคุณควรออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสม
การรับประทานอาหาร- การรับประทานอาหารอาจส่งผลต่ออาการปวดประจำเดือน อาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น ขนมหวาน เครื่องดื่มหวานๆ กาแฟ เป็นต้น
อาจทำให้ปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง คุณควรทานปลา ผัก ผลไม้ ถั่ว และน้ำให้มากขึ้น
การรักษาด้วยยา- หากอาการปวดประจำเดือนรุนแรงมาก คุณสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยา โดยทั่วไปจะใช้ยา เช่น วิตามินรวม ไทลินอล อะเซตามิโนเฟน ยาแก้ปวด แต่ก่อนรับประทานยา คุณควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
อาการปวดประจำเดือนเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในผู้หญิง แต่คุณสามารถลองทำตามวิธีการข้างต้นเพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือน หากอาการปวดประจำเดือนรุนแรงมากหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา
ท่าทางที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
1. ท่าผีเสื้อ
ท่านกย่อง
- เริ่มต้นด้วยการนั่งบนเสื่อ แล้ววางเท้าราบกับพื้น ยกเข่าขึ้น
- นำปลายเท้าทั้งสองข้างมาประกบกัน แล้วกางเข่าออกไปด้านข้างจนรู้สึกว่ามีน้ำหนักกดลงไปที่ท้อง
- วางมือไว้ที่ข้อเท้า แล้วค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้า
- ในขณะเดียวกัน กดเข่าเบาๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อรอบสะโพกและด้านหลังต้นขา
- ค่อยๆ ยืดกล้ามเนื้อให้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- หายใจลึกๆ และคงท่าไว้ประมาณ 1 นาที แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น
วิธีนี้จะช่วยทำให้กล้ามเนื้อรอบสะโพกและต้นขานุ่มขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดบริเวณเข่าและกระดูกเชิงกราน
2. ท่าเด็ก
ท่านางฟ้า
- คุกเข่าลงบนพื้นแล้ววางฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนพื้น ทำให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม
- ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า
- ค่อยๆ นำศีรษะไปวางไว้ที่เข่า และยืดแขนออกไปข้างหน้า วางแขนราบกับพื้นและงอข้อศอกเล็กน้อย
- หายใจเข้าลึกๆ 3-5 ครั้งในท่านี
- ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับหายใจออก
ท่านีช่วยยืดกระดูกสันหลัง เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย และช่วยให้จิตใจสงบ
3. ท่าโคบรา
ท่าโคบรา
- นอนคว่ำหน้าลงบนเสื่อ วางแขนทั้งสองข้างราบกับพื้นให้ขนานกับไหล่ และงอข้อศอก
- ค่อยๆ ยกส่วนบนของร่างกายขึ้น โดยหมุนแขนออกไปด้านนอก ให้ฝ่ามือหันไปทางพื้น
- เมื่อยกส่วนบนของร่างกายขึ้นให้สูงสุดแล้ว ยืดแขนให้ตรง และยกส่วนบนของร่างกายให้สูงขึ้นไปทางเพดานโดยไม่โค้งหลัง
- หายใจเข้าลึกๆ คงท่าไว้ และหายใจออกช้าๆ แล้วค่อยๆ ลดส่วนบนของร่างกายลง
ท่านีช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับหลังและแขน ช่วยให้กระดูกสันหลังมีความยืดหยุ่น และช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและระบบหายใจ แต่หากมีปัญหาเกี่ยวกับหลังหรือข้อศอก คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำท่านี
4. ท่านกพิราบ
ท่าพิราบ
- วางมือและเข่าลงบนพื้น ทำท่านกสี่ขา
- วางข้อศอกลงบนพื้น ยืดแขนออกไปให้ตรง ลดไหล่ลง ยืดหลังให้ตรง และยกส่วนบนของร่างกายขึ้น
- ตรึงแขนและขาไว้ ค่อยๆ ดึงแขนขวาและขาซ้ายเข้าหากันพร้อมกับหมุนศีรษะไปทางขวา คงท่าไว้ 20 วินาที
- ดึงแขนซ้ายและขาขวาเข้าหากันพร้อมกับหมุนศีรษะไปทางซ้าย คงท่าไว้ 20 วินาที
- วางขาและแขนทั้งสองข้างราบกับพื้น แล้วลดส่วนบนของร่างกายลง
ท่ายกพิราบช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อ ช่วยลดอาการปวดหลัง และช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนการทรงตัวในขณะออกกำลังกาย
5. ท่าอูฐ
ท่าอูฐ
- ปูเสื่อลงบนพื้น วางเข่าลงบนพื้น โดยให้เท้าทั้งสองข้างห่างกันเท่ากับความกว้างของสะโพก
- วางมือไว้ที่เอว ยืดกระดูกสันหลังให้ตรง ลดไหล่ลง และยกส่วนบนของร่างกายขึ้น
- หายใจเข้าลึกๆ และเอนตัวไปด้านหลัง พร้อมกับโน้มศีรษะไปด้านหลัง วางมือไว้ที่สะโพก และคว่ำฝ่ามือลง
- ยกมือขึ้นไปเหนือเข่าพร้อมกับเอนตัวไปข้างหน้า
- เอนตัวไปข้างหน้ามากขึ้น และนำมือไปวางที่ข้อเท้า
- โน้มศีรษะไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วดึงมือไปที่ข้อเท้า
- โน้มศีรษะไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คงท่าไว้ 5-6 วินาที แล้วหายใจออกและค่อยๆ กลับสู่ท่าเดิม
- สุดท้าย วางมือไว้ที่เอว และค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ
ท่านีช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก หลัง คอ และช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย แต่หากมีอาการเจ็บปวด ที่หลังหรือคอ ปวดหลังเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง คุณควรระมัดระวัง ควรทำท่านีภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
6. ท่าเรือ
ท่าเรือ
- นอนราบกับพื้น ยืดขาตรงทั้งสองข้าง
- เอนตัวไปด้านหลัง ค่อยๆ นอนราบไปด้านหลังพร้อมกับยกศีรษะขึ้นจากพื้น
- วางแขนทั้งสองข้างราบกับพื้น และหงายฝ่ามือขึ้น
- หายใจเข้าลึกๆ และยกส่วนบนของร่างกายและขาขึ้น พร้อมกับยืดแขนไปข้างหน้า และยกขาขึ้นให้ตั้งฉากกับพื้น
- คงท่าไว้ 5-10 วินาที และหายใจออกอย่างต่อเนื่อง
- หายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ กลับสู่ท่าเดิม
ควรทำท่านีซ้ำ 10-15 ครั้ง สำหรับผู้เริ่มต้น อาจทำท่านีนี้ได้ยาก ดังนั้นในช่วงแรกอาจเริ่มต้นด้วยการยกขาขึ้นก่อน จากนั้นค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ
7. ท่าแมว-วัว
ท่าแมว-วัว
- คุกเข่าลงบนพื้น โดยให้เท้าทั้งสองข้างกว้างเท่ากับไหล่ และวางฝ่ามือทั้งสองข้างราบกับพื้น
- ให้ข้อมืออยู่ระดับเดียวกับไหล่ และเข่าอยู่ระดับเดียวกับสะโพก
- หายใจเข้าลึกๆ และยกศีรษะขึ้น พร้อมกับโค้งหลังขึ้นเป็นรูปอาร์ค ในขณะเดียวกัน สะโพกก็ควรอยู่บนพื้น
- หายใจออกและก้มศีรษะลง พร้อมกับโค้งหลังลง โดยงอหัวและสะโพกขึ้นพร้อมกัน ในขณะเดียวกัน แขนและขาควรอยู่กับที่
- หายใจเข้าลึกๆ และกลับสู่ท่าเดิม
ท่านีช่วยทำให้กระดูกสันหลังมีความยืดหยุ่นและช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดและทำให้ร่างกาย รู้สึกผ่อนคลาย
สรุป
ท่าโยคะสำหรับอาการปวดประจำเดือนเป็นท่าโยคะที่ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน โดยทั่วไป อาการปวดประจำเดือนที่เกิดขึ้นในช่วง เวลาของรอบเดือนเรียกว่า อาการปวดประสาทเรื้อรังจากการกระตุ้น ซึ่งเกิดจากการทำงานมากเกินไปของเส้นประสาทที่รับรู้การกระตุ้น ท่าโยคะสำหรับอาการปวดประจำเดือนจะช่วยลดกิจกรรมของเส้นประสาทเหล่านี้ ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
ท่าโยคะสำหรับอาการปวดประจำเดือนช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ลดความเครียด และปรับสมดุลของฮอร์โมน นอกจากนี้ยังปลอดภัย และไม่มีผลข้างเคียง